ทุกประเภท

มุมมองธุรกิจ: อุตสาหกรรมต่าง ๆ เลือกระบบ POS ที่เหมาะสมอย่างไร

Feb 17, 2025

การเข้าใจระบบ POS

ระบบจุดขาย (POS) โดยพื้นฐานแล้วคือการรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน เพื่อจัดการธุรกรรมการขาย ณ จุดที่ลูกค้าชำระเงิน ร้านค้าปลีกและร้านอาหารต่างพึ่งพาอาศัยระบบเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากระบบเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจรับชำระเงิน ติดตามระดับสต็อกสินค้า และแม้กระทั่งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าประจำ ตลาดยังมีโซลูชัน POS ที่หลากหลายประเภทให้เลือกอีกด้วย ระบบทั่วไปจะติดตั้งอยู่หลังเคาน์เตอร์ ในขณะที่เวอร์ชันที่ใหม่กว่าซึ่งเป็นแบบคลาวด์ (cloud-based) ให้อิสระแก่พ่อค้าแม่ค้าได้มากขึ้นมาก ตัวอย่างเช่น ระบบคลาวด์ ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบข้อมูลยอดขายจากโทรศัพท์มือถือของตนเองระหว่างพักเที่ยง หรือแม้กระทั่งติดตามสินค้าคงคลังในหลายสาขาที่ต่างสถานที่กัน โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ ณ สถานที่นั้นจริง ตามข้อมูลจากการวิจัย ระบบที่ POS ที่มีประสิทธิภาพสามารถลดเวลาในการชำระเงินลงได้ประมาณ 30% ซึ่งหมายความว่าลูกค้าที่ยืนรอคิวจะรู้สึกพึงพอใจมากขึ้น และดำเนินการโดยรวมได้อย่างราบรื่นสำหรับธุรกิจที่ยุ่งมาก และต้องการให้บริการลูกค้าอย่างรวดเร็วโดยไม่มีข้อผิดพลาด

การเลือกระบบ POS ที่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ

การเลือกระบบจุดขาย (POS) นั้นขึ้นอยู่กับว่าบุคคลนั้นทำงานในอุตสาหกรรมใด ยกตัวอย่างเช่นในธุรกิจค้าปลีก เทอร์มินอลอัจฉริยะในปัจจุบันไม่ได้ถูกใช้เพียงแค่สำหรับการประมวลผลการชำระเงินเท่านั้น แต่ยังช่วยในการติดตามระดับสต็อกสินค้า และยังช่วยให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้นในระหว่างการช้อปปิ้งอีกด้วย จากการวิจัยบางส่วนในปี 2023 โดย Retail Systems Research พบว่าร้านค้าที่ลงทุนในระบบใหม่เหล่านี้สามารถลดเวลาในการชำระเงินลงได้ประมาณ 25% เมื่อคิดถึงจังหวะการทำงานที่รวดเร็วในธุรกิจค้าปลีกแล้ว นับว่าความเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากในการรักษาความพึงพอใจของลูกค้าและทำให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำ

เครื่องจุดขายแบบพกพา (Handheld POS) สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจร้านอาหารอย่างแท้จริง ร้านอาหารและร้านกาแฟหลายแห่งต่างพึ่งพาอุปกรณ์ขนาดเล็กเหล่านี้ในการรับออเดอร์และจัดการการชำระเงินโดยไม่ทำให้เกิดความล่าช้า พนักงานสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ขณะยังคงดำเนินการสั่งอาหารและเก็บเงินได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ตามการวิจัยจาก Hospitality Tech สถานประกอบการที่เปลี่ยนมาใช้ระบบแบบพกพา รายงานว่าเวลาการรอคอยลดลงประมาณ 15% ซึ่งหมายความว่าลูกค้าใช้เวลาน้อยลงในการรอคอยอย่างหิวโหย และมีเวลามากขึ้นในการเพลิดเพลินกับมื้ออาหารของตน ซึ่งแน่นอนว่าช่วยเพิ่มความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้า

สถานบริการด้านสุขภาพเริ่มตระหนักถึงข้อดีของระบบ Android POS แบบพกพาที่ใช้งานง่าย ระบบทั้งช่วยลดเวลาการรอคอยของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในสถานที่ให้บริการคลินิกแพทย์และร้านขายยา ตามข้อมูลล่าสุดจาก Healthcare Business Tech ระบุว่า เมื่อใช้งานโซลูชันการชำระเงินแบบเคลื่อนที่เหล่านี้อย่างเหมาะสม จะสามารถเร่งกระบวนการชำระเงินของผู้ป่วยได้เร็วขึ้นประมาณ 30% ระดับประสิทธิภาพเช่นนี้มีความสำคัญอย่างมากในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ที่เวลาถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

สำหรับศูนย์กระจายสินค้าและกิจการค้าส่ง อุปกรณ์จุดขายแบบไร้สายที่ช่วยเร่งกระบวนการชำระเงินได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ซึ่งช่วยในการจัดการสินค้าคงคลังจำนวนมาก และทำให้การทำธุรกรรมดำเนินไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีคอขวด รายงานล่าสุดจาก Modern Distribution Management ได้ศึกษาเกี่ยวกับการดำเนินงานในคลังสินค้า และพบว่าสถานประกอบการที่นำระบบดังกล่าวไปใช้งานมีประสิทธิภาพในการติดตามสินค้าคงคลังดีขึ้นประมาณ 20% การเพิ่มประสิทธิภาพในระดับนี้สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนต่อการดำเนินงานประจำวันในทั้งภาคส่วน

โดยการเข้าใจความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม ธุรกิจสามารถเลือกระบบ POS ที่เพิ่มประสิทธิภาพและสนับสนุนความต้องการทางการดำเนินงานที่เป็นเอกลักษณ์ของตน

ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกระบบ POS

การเลือกระบบจุดขาย (POS) ที่เหมาะสม หมายถึงการรู้ว่าคุณสมบัติใดที่สำคัญจริงๆ สำหรับการดำเนินธุรกิจให้ราบรื่นในแต่ละวัน ควรเลือกระบบที่สามารถประมวลผลการชำระเงินทุกประเภท ตั้งแต่บัตรเครดิตไปจนถึงกระเป๋าเงินผ่านมือถือ ติดตามสินค้าคงคลังเพื่อไม่ให้มีสินค้าหายในห้องหลัง สร้างรายงานยอดขายที่เป็นประโยชน์ และบางครั้งอาจมีฟังก์ชัน CRM พื้นฐานเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอีกด้วย ลองดูตัวอย่างอย่าง Square ซึ่งมีการอัปเดตสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ช่วยป้องกันช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจเมื่อลูกค้าถามหาสินค้าที่หมดไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์ยอดขายที่ละเอียด ซึ่งช่วยให้เจ้าของร้านค้าเข้าใจว่าสินค้าใดขายดีออกจากชั้นวางสินค้า และสินค้าใดที่วางนิ่งๆ ไม่มีใครสนใจ แม้ว่าคุณสมบัติเหล่านี้จะฟังดูดีเมื่ออยู่บนกระดาษ แต่การนำไปใช้จริงต้องใช้เวลา และการฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งานทุกอย่างได้อย่างถูกต้อง ก็ถือว่าผ่านความท้าทายนั้นไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ความง่ายในการใช้งานถือเป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน เมื่อธุรกิจเลือกใช้เครื่องรับชำระเงินผ่านมือถือแบบอัจฉริยะที่ใช้งานง่าย จะช่วยประหยัดเวลาในการฝึกอบรมพนักงานและทำธุรกรรมได้รวดเร็วขึ้น ระบบซึ่งเข้าใจได้ง่ายโดยสัญชาตญาณจะช่วยลดข้อผิดพลาด และส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้นกับประสบการณ์ที่ได้รับ ลองคิดดูว่าเมื่อพนักงานเก็บเงินไม่ต้องดิ้นรนกับอินเตอร์เฟซที่ซับซ้อน ทุกฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า บริษัทต่างๆ มีอัตราการลดลงประมาณร้อยละ 20 ในระยะเวลาการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง เมื่อเปลี่ยนมาใช้ระบบง่ายๆ แบบนี้ ซึ่งหมายความว่าลูกค้าโดยรวมมีความพึงพอใจมากขึ้น เนื่องจากไม่มีใครชอบการรอคิวนานๆ ที่เคาเตอร์จ่ายเงินอีกต่อไป

ความสามารถในการทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ มีความสำคัญพอ ๆ กับคุณสมบัติอื่น ๆ ของระบบขายหน้าร้าน (POS) ที่ดี ระบบเหล่านี้จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับสิ่งต่าง ๆ เช่น โปรแกรมบัญชี ร้านค้าออนไลน์ และซอฟต์แวร์จัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ให้ทำงานได้อย่างราบรื่นทั่วทั้งองค์กร เมื่อส่วนต่าง ๆ ของการดำเนินงานสื่อสารกันได้ มันจะช่วยทำให้ข้อมูลถูกต้องและสอดคล้องกันระหว่างแผนกต่าง ๆ ช่วยให้การดำเนินงานในแต่ละวันเป็นไปอย่างรวดเร็ว และให้ข้อมูลที่ดีกว่าแก่ผู้จัดการในการตัดสินใจ บริษัทที่เชื่อมโยงระบบเข้าด้วยกันสามารถทำให้งานซ้ำซ้อนจำนวนมากเป็นระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาของพนักงาน แทนที่จะเสียเวลากับการป้อนข้อมูลด้วยตนเองเป็นชั่วโมง พนักงานสามารถใช้เวลามากขึ้นเพื่อช่วยเหลือลูกค้า และคิดหาวิธีพัฒนาธุรกิจ

การประเมินต้นทุนและงบประมาณ

การเข้าใจว่าระบบจุดขาย (POS) ที่แท้จริงแล้วมีค่าใช้จ่ายเท่าไร ถือว่ามีความสำคัญมากเมื่อวางแผนด้านงบประมาณ ค่าใช้จ่ายจะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน ในขั้นแรก ธุรกิจต้องจ่ายเงินก้อนสำหรับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ลองนึกถึงเครื่องมือรับชำระเงิน เครื่องสแกนบาร์โค้ดแบบถือมือที่พนักงานใช้ และเครื่องพิมพ์ใบเสร็จที่ต้องพิมพ์เอกสารตลอดทั้งวัน บางครั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทันทีสำหรับการซื้อซอฟต์แวร์แบบมีใบอนุญาต หรือค่าธรรมเนียมการติดตั้งที่ต้องจ่ายให้กับผู้ให้บริการ ต่อมาคือค่าใช้จ่ายรายเดือนที่มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยปกติจะครอบคลุมค่าบริการสมัครสมาชิกเพื่ออัปเดตซอฟต์แวร์ ค่าบำรุงรักษาเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างราบรื่น รวมถึงค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่เรียกเก็บโดยผู้ประมวลผลการชำระเงินต่าง ๆ บริษัทแต่ละแห่งอาจคิดค่าธรรมเนียมแตกต่างกันออกไปตามวิธีการประมวลผลธุรกรรมบัตรเครดิต ดังนั้นส่วนนี้จึงอาจมีความแตกต่างกันไปมากพอสมควรในแต่ละระบบ POS

การลงทุนเงินไปกับระบบขายหน้าร้าน (POS) ที่มีคุณภาพ ถือเป็นสิ่งที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจในระยะยาว แน่นอนว่าการซื้อระบบทั้งหมดในตอนแรกอาจดูเหมือนเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโต แต่ฟีเจอร์เสริมต่างๆ และการเชื่อมต่อที่ดีกว่า มักจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว พร้อมทั้งเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจด้วย เทอร์มินัล POS ที่ทันสมัยมีบทบาทสำคัญมากที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน เพราะช่วยลดเวลาการรอคิว และลดข้อผิดพลาดในการบันทึกรายการขาย ลูกค้าจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างเหล่านี้และมักจะกลับมาใช้บริการซ้ำ เนื่องจากได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นโดยรวม ดังนั้น การลงทุนในระบบ POS ที่มีคุณภาพไม่ได้เป็นเพียงการแก้ปัญหาด้านการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจผ่านกระบวนการทำงานที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ในทุกๆ วัน ที่ช่วยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นไร้ปัญหา

ความสำคัญของการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตในการเลือกระบบ POS

ในปัจจุบัน เมื่อเลือกระบบจุดขาย (POS) การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องที่เพิ่มความสะดวกเท่านั้น แต่แทบจะเป็นสิ่งจำเป็นเลยทีเดียว การชำระเงินผ่านมือถือและธุรกรรมแบบไม่ต้องสัมผัสกำลังได้รับความนิยมไปทั่วทุกแห่ง ดังนั้นธุรกิจจึงต้องการระบบ POS ที่ทันสมัยและรองรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ข่าวดีก็คือลูกค้าชอบการชำระเงินที่รวดเร็วขึ้น ในขณะที่ธุรกิจเองก็ประหยัดเวลาเช่นกัน เพราะเงินเคลื่อนไหวผ่านแคชเชียร์ได้เร็วขึ้น ระบบ POS ที่ฉลาดและรองรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จะช่วยให้ลูกค้าพึงพอใจและไม่ต้องการรอคอย ร้านค้าที่ทำสิ่งนี้ได้ดี มักจะโดดเด่นกว่าคู่แข่งที่ยังคงใช้เครื่องเก็บเงินแบบเก่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นผู้นำในการนวัตกรรมทางเทคโนโลยีโดยตรงก็ตาม

การขยายตัวมีความสำคัญเมื่อเลือกระบบจุดขาย (POS) เพื่อการลงทุน บริษัทส่วนใหญ่พบว่าความต้องการด้านเทคโนโลยีของพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงไปเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ระบบ POS ที่ดีควรสามารถรองรับการขยายตัวในระยะยาวได้ มองหาระบบที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถดำเนินธุรกรรมได้มากขึ้นในช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุด เพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น โปรแกรมสะสมคะแนนในภายหลัง และปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนระบบทั้งหมดใหม่ ประสบการณ์จริงแสดงให้เห็นว่าธุรกิจมักต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดทั้งในด้านปริมาณและข้อกำหนดด้านการทำงาน การเลือกระบบที่สามารถขยายตัวได้อย่างเหมาะสมจะช่วยลดปัญหาปวดหัวจากการต้องเริ่มต้นใหม่หรือใช้จ่ายเงินเพิ่มในการอัปเกรดระบบเมื่อขยายกิจการ

เทคนิคที่ดีที่สุดสำหรับการนำระบบ POS ใหม่มาใช้งาน

เมื่อองค์กรนำระบบขายหน้าร้าน (POS) ใหม่มาใช้ จำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้าและฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกคนอย่างเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น การมีแผนที่ดีจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแผนดังกล่าวจะต้องกำหนดอย่างชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องทำ เมื่อไหร่ที่ต้องทำ ใครรับผิดชอบในแต่ละงาน และใช้เวลานานเท่าไร พนักงานต้องได้รับโอกาสฝึกปฏิบัติจริงกับทุกฟังก์ชันของซอฟต์แวร์ใหม่นี้ก่อนเริ่มใช้งานจริง การเตรียมความพร้อมในลักษณะนี้จะช่วยให้พนักงานคุ้นเคยกับเทคโนโลยี จึงไม่ทำให้การให้บริการช้าลงในช่วงเวลาที่มีลูกค้าแน่นขนัด นอกจากนี้ พนักงานที่เข้าใจระบบเป็นอย่างดี ยังสามารถตอบคำถามลูกค้าได้รวดเร็วขึ้นเกี่ยวกับรายละเอียดการซื้อขาย นโยบายการคืนสินค้า หรือแม้แต่แนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกันตามประวัติการซื้อของลูกค้า

การคอยสังเกตสิ่งต่าง ๆ และปรับเปลี่ยนเมื่อจำเป็น มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการใช้ระบบขายหน้าร้าน (POS) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรพิจารณาตัวเลขต่าง ๆ เช่น เวลาที่ใช้ในการทำธุรกรรม และความถี่ที่ระบบยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาจุดที่อาจมีโอกาสในการปรับปรุง การรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ที่ใช้งานระบบจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือลูกค้า ก็จะช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกอันทรงคุณค่า สำหรับการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม การปรับแต่งเล็กน้อยที่ทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ระบบ POS ทำงานได้อย่างราบรื่น พร้อม ๆ ไปกับเป้าหมายของธุรกิจและสิ่งที่ผู้ซื้อคาดหวังในปัจจุบัน ร้านค้าหลายแห่งพบว่า การปรับแต่งอย่างสม่ำเสมอช่วยลดความหงุดหงิดขณะชำระเงิน และทำให้ลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้านมีความพึงพอใจมากขึ้น

ข่าว

Related Search